คู่มือการลงทุนดัชนีฮั่งเส็ง คว้าโอกาสในเศรษฐกิจจีนผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง
หลายคนเริ่มมองหาการลงทุนที่ไม่จำกัดแค่ในประเทศหรือตลาดสหรัฐ เพราะโอกาสใหม่ๆ มักเกิดขึ้นในจุดที่คนยังไม่ค่อยสนใจมากนัก หนึ่งในนั้นคือ ตลาดหุ้นฮ่องกง ที่มีดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index) เป็นตัวสะท้อนเศรษฐกิจจีนขนาดใหญ่ผ่านบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายกว่าตลาดจีนแผ่นดินใหญ่มาก
ดัชนีฮั่งเส็ง คืออะไร? ต่างจาก CSI อย่างไร?
ดัชนีฮั่งเส็ง คือดัชนีที่ใช้วัดผลตอบแทนของหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยคัดเลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องดีและมีอิทธิพลต่อภาพรวมของตลาด เช่น กลุ่มเทคโนโลยี ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน โดยปัจจุบันประกอบด้วยหุ้นจาก 82 บริษัทชั้นนำ
เมื่อเปรียบเทียบกับ CSI 300 ซึ่งเน้นหุ้นจีนในตลาด Shanghai และ Shenzhen (A-Share) จะพบว่า ดัชนีฮั่งเส็งค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนต่างชาติ และซื้อขายเป็นสกุลดอลลาร์ฮ่องกง ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าถึงเศรษฐกิจจีนโดยไม่ติดข้อจำกัดด้านสกุลเงินหรือกฎระเบียบที่ซับซ้อนกว่า
องค์ประกอบดัชนีฮั่งเส็ง
ดัชนีนี้รวบรวมหุ้นจากบริษัทชั้นนำที่มีบทบาทในเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก เช่น
- Tencent ผู้ให้บริการ WeChat และธุรกิจเกมรายใหญ่
- Alibaba ผู้นำด้าน E-commerce
- HSBC ธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 7 ของโลก (AUM)
- BYD บริษัทผลิตรถยนต์ EV อันดับต้นๆ ของโลก
นอกจากนั้น ยังมีบริษัทในกลุ่มการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และ Healthcare อีกมากมาย ซึ่งช่วยให้ดัชนีฮั่งเส็งสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ได้ค่อนข้างชัดเจน
โอกาสสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
นักลงทุนต่างชาติสามารถใช้ดัชนีฮั่งเส็งเป็นเครื่องมือเข้าถึงเศรษฐกิจจีนได้โดยไม่ต้องไปยุ่งยากกับกฎระเบียบที่เข้มงวดของจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น Capital Control หรือข้อจำกัดในการซื้อขายของ A-Share นอกจากนี้ยังสามารถเลือกวิธีลงทุนได้หลายแบบ ทั้งผ่าน ETF กองทุนรวม และอนุพันธ์
ทำไมควรลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง?
ก่อนจะลงมือกดซื้อ ETF หรือเปิดพอร์ตลงทุน ลองมาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมดัชนีฮั่งเส็งถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว
1. ศักยภาพของตลาดหุ้นฮ่องกง
ตลาดหุ้นฮ่องกงถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่เปิดเสรีที่สุดในเอเชีย เชื่อมโยงกับทั้งฝั่งตะวันตกและจีนแผ่นดินใหญ่ มีระบบการกำกับดูแลที่เข้มงวด และได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลก ทำให้การลงทุนในหุ้นฮ่องกงมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แม้ว่าในบางช่วงจะเจอกับแรงกดดันทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ แต่ฮ่องกงก็ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถผ่านวิกฤติมาได้หลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นจุดศูนย์กลางของนักลงทุนที่ต้องการมีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจจีน
2. โอกาสจากหุ้นจีนและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
บริษัทอย่าง Tencent, Alibaba, BYD และ HSBC ไม่ใช่แค่หุ้นใหญ่ในดัชนีเท่านั้น แต่ยังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในระดับโลก การลงทุนในดัชนีฮั่งเส็งจึงเป็นเหมือนการตีตั๋วขึ้นรถไปกับผู้นำแห่งอนาคต นอกจากนี้ หุ้นเทคจีนมักถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าหุ้นเทคสหรัฐ ทั้งที่มีฐานผู้ใช้งานและรายได้มหาศาล ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาว
3. เป็นการกระจายการลงทุน
การลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง ช่วยลดความเสี่ยงจากการถือสินทรัพย์ในประเทศเดียว เช่น ตลาดหุ้นไทยหรือสหรัฐ เพราะเศรษฐกิจจีนอาจมีปัจจัยขับเคลื่อนที่แตกต่างจากตลาดขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัว
วิธีลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง
เมื่อเข้าใจโอกาสแล้ว เรามาดูวิธีลงทุนในดัชนีฮั่งเส็งกันดีกว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน เป็นนักลงทุนสายเน้นคุณค่า หรือเป็นนักลงทุนสายเทคนิค ก็สามารถเริ่มต้นได้ตามความเหมาะสม
1. ลงทุนผ่าน ETF ที่อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็ง
การลงทุนผ่าน ETF เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดต้นทุนที่สุด เพราะคุณสามารถซื้อขายได้แบบ Real-time เหมือนหุ้น และมีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย เช่น
- Tracker Fund of Hong Kong (2800) เป็น ETF ที่อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็งโดยตรง และได้รับความนิยมสูง
- iShares Hang Seng Tech ETF (3115, 83115, 9115) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน้นหุ้นเทคโนโลยีเป็นพิเศษ
ข้อดีของ ETF คือ มีการกระจายการลงทุนตามดัชนีอ้างอิง ทำให้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เพราะไม่ต้องเลือกหลักทรัพย์รายตัว และยังมีสภาพคล่องที่สูง เพราะซื้อขายในตลาดได้เหมือนหุ้นทั่วไป
2. ลงทุนผ่านกองทุนรวม
การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยบลจ. ในไทย เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมืออาชีพช่วยดูแลพอร์ต เพื่อลดภาระในการติดตามตลาดด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องระวังเรื่องค่าธรรมเนียมที่มักสูงกว่า ETF
3. ลงทุนผ่าน Futures & Options
สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง สามารถใช้เครื่องมืออนุพันธ์อย่าง Futures หรือ Options ที่อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็ง ในการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงได้ แต่ข้อควรระวังคือ การลงทุนด้วยวิธีนี้มีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงต้องมีความเข้าใจในระบบ Margin การตั้ง Stop loss รวมถึงความเสี่ยงด้าน Leverage อย่างลึกซึ้งด้วย
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง
ก่อนเริ่มลงทุน นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลต่อการลงทุน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ก่อน
1. ภาพรวมเศรษฐกิจจีนและฮ่องกง
เศรษฐกิจจีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตสูง แม้จะชะลอตัวลงบ้างจากสงครามการค้ากับสหรัฐ หรือปัญหาในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมีแรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี การส่งออก และการบริโภคภายใน ส่วนฮ่องกงเองก็กำลังฟื้นตัวและเริ่มดึงดูดการลงทุนกลับมา
2. นโยบายของรัฐบาลจีนที่อาจมีผลต่อตลาด
รัฐบาลจีนมีบทบาทสูงในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีและการเงิน ซึ่งบางครั้งส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นเช่น การสั่งระงับ IPO ของ Ant Group ซึ่งส่งผลให้หุ้น Alibaba ร่วงลงทันที และในปี 2025 รัฐบาลจีนมีนโยบายให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์จึงทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ดังนั้น หากลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง นักลงทุนจะต้องติดตามนโยบายของภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนโยบายควบคุมบริษัท Big Tech และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
3. ความผันผวนของค่าเงิน
ดัชนีฮั่งเส็งซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) ซึ่งแม้จะผูกกับ USD อย่างใกล้ชิด แต่ค่าเงิน HKD ยังมีความผันผวนเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาท โดยเฉพาะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก หรือในช่วงที่ค่าเงินมีความผันผวนมากกว่าปกติ
4. สงครามการค้าระหว่างประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ มีผลโดยตรงต่อหุ้นในดัชนีฮั่งเส็ง โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจถูกควบคุมการส่งออกชิ้นส่วนหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ
5. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในไต้หวัน ปัญหาในทะเลจีนใต้ หรือการประท้วงในฮ่องกง ล้วนมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดนี้ทั้งสิ้น
บทสรุปพร้อมคำแนะนำ
การลงทุนใน ดัชนีฮั่งเส็ง เหมาะกับใคร?
- มือใหม่ ควรเริ่มจาก ETF หรือกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญช่วยบริหาร
- นักลงทุนมีประสบการณ์ สามารถลงทุนผ่าน ETF แบบ Thematic เช่น กลุ่มเทคโนโลยี หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม ร่วมกับการแบ่งพอร์ตลงทุนในตลาด Futures ก็ได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุนที่ควรพิจารณา
- ลงทุนแบบ DCA เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาและค่าเงิน
- กระจายความเสี่ยงระหว่างตลาดไทย สหรัฐ จีน และตลาดอื่นๆ
- เลือก ETF หรือกองทุนรวมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ
ETF คือทางเลือกที่ง่ายและมีค่าธรรมเนียมต่ำ
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดต่างประเทศแบบไม่ซับซ้อน
- มีสภาพคล่องสูง และสามารถเริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณไม่มาก
ควรติดตามข่าวสารอะไรบ้าง?
- ดัชนีเศรษฐกิจจีน อย่างการประกาศ GDP หรือ PMI
- นโยบายรัฐบาลจีน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี
- ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ
- ข่าวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฮ่องกง
หากคุณกำลังมองหา ‘โอกาสใหม่’ ที่มีศักยภาพในระยะยาว และต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดสหรัฐ การลงทุนในดัชนีฮั่งเส็ง อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ และ StashAway หวังว่าคู่มือนี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นลงทุนในเศรษฐกิจจีนได้อย่างมั่นใจ
Disclaimer:
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต; การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำเสนอ คำแนะนำ คำเชื้อเชิญ หรือการชักชวนให้ท่านซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ
ข้อมูลนี้ไม่ได้จัดเตรียมขึ้นโดยคำนึงถึงสถานการณ์ส่วนบุคคลของท่าน (เช่น วัตถุประสงค์การลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความความต้องการโดยเฉพาะ) ท่านควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านการเงิน บัญชี ภาษี กฎหมาย และด้านอื่นๆ ของท่านเอง