ผลการดำเนินงาน Q3/2023 ของ StashAway

06 November 2023

กลยุทธ์ Defensive ช่วยรักษาพอร์ตของเราได้อย่างไร

Q3/2023 เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากตลาดหุ้นยังคงร้อนแรงต่อเนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มเสีย Momentum ในเดือนสิงหาคมและกันยายน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ทำให้ Fed แสดงท่าทีค่อนข้าง Hawkish และอาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ‘Higher for Longer’

เมื่อดอกเบี้ยมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง Yield ตราสารหนี้สหรัฐระยะยาวจึงปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้ราคาปรับตัวลดลง (Yield กับราคาตราสารหนี้จะเคลื่อนไหวสวนทางกัน) ขณะที่ ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลดลงเช่นกันใน Q3 โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบมากกว่าเพราะมีความอ่อนไหวค่อนข้างสูงกับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว

สรุปได้ว่า ใน Q3 ตลาดหุ้นและตราสารหนี้ต่างมีผลตอบแทนที่ลดลง แต่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ถึง ปลายเดือนกันยายน (YTD) ของตลาดหุ้นยังเป็นบวกที่ราว +10% ส่วนตราสารหนี้ติดลบที่ -3%

อ้างอิง: StashAway, Bloomberg; ข้อมูลตั้งแต่ต้นปีนี้ถึง 30 ก.ย. 2023 ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ในบทวิเคราะห์ H2/2023 Market Outlook ของเราได้กล่าวไว้ว่า การรักษาพอร์ตให้ Defensive ยังเป็นสิ่งสำคัญท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยยังแสดงให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเราได้ Overweight การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดที่มีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ปัจจุบันให้ Yield ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ

โดยกลยุทธ์ Defensive นี้ ช่วยทำให้ผลตอบแทนส่วนใหญ่ของ StashAway ชนะ Benchmark* ทั้งใน Q3/2023 และ YTD ทั้งนี้ ERAA™ ยังบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะ Stagflation (ภาวะเศรษฐกิจหดตัว แต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง) ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบันยังคงเหมาะสมอยู่ต่อไป 

แล้วผลการดำเนินงาน Q3/2023 ของ StashAway เป็นอย่างไร เราสรุปไว้แล้วในบทความนี้

  • พอร์ต General Investing และ Goal-based Investing
  • Thematic Portfolio

พอร์ต General Investing และ Goal-based Investing มีผลการดำเนินงานชนะ Benchmark*

ใน Q3 พอร์ต General Investing และ Goal-based Investing มีผลตอบแทนลดลงในทุกระดับความเสี่ยง StashAway Risk Index (SRI) แต่จากการที่รักษาพอร์ตให้ Defensive มากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนของ StashAway ปรับตัวลดลงน้อยกว่า Benchmark* ในทุกระดับความเสี่ยง โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย -1.7% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ Benchmark* ที่ -3.8% โดยเฉลี่ย หรือเท่ากับว่า เอาชนะ Benchmark* ที่ 2.1% โดยเฉลี่ย

หากมองภาพระยะยาวขึ้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนกันยายน พอร์ตของเรายังสามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวก และส่วนใหญ่ดีกว่า Benchmark* โดยผลตอบแทน YTD ของเราอยู่ที่ +4.4% โดยเฉลี่ย ขณะที่ Benchmark* อยู่ที่ +3.6% โดยเฉลี่ย หรือเท่ากับว่า เอาชนะ Benchmark* ที่ 0.8% โดยเฉลี่ย

ตลาดหุ้นลดความร้อนแรงใน Q3 แต่ผลตอบแทน YTD ยังเป็นบวก 

ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงหลังจากที่ปรับขึ้นในช่วงต้นปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อย่างกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ซึ่งส่งผลกระทบต่อพอร์ตที่ SRI สูงกว่า เพราะมีสัดส่วนการลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมและหุ้นเทคโนโลยีที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พอร์ตของเรามีผลตอบแทน YTD เป็นบวก โดยเฉพาะพอร์ตที่มี SRI สูงกว่า เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วง H1/2023

นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานสหรัฐในพอร์ตของเรา ยังเป็นอีกตัวช่วยสำคัญใน Q3 หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา

อ้างอิง: StashAway, Bloomberg; ผลตอบแทนรวมของแต่ละกลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามช่วงเวลาที่ระบุไว้

ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นตัวช่วยหลัก ส่วนตราสารหนี้ระยะยาวได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยสูง

ในสัดส่วนของตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น หรือที่เรียกว่า T-bills ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของผลตอบแทนทั้งใน Q3 และ YTD เนื่องจากให้ Yield สูงสุดในรอบหลายทศวรรษที่ราว 5.4% ต่อปี (ณ สิ้นเดือนกันยายน) นอกจากนี้ พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation-linked Bond) ยังเป็นตัวช่วยที่ดีท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงตลอดทั้งปี

อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ได้ปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางต่างๆ ได้แสดงท่าที Hawkish มากขึ้น ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกและรักษาไว้ ‘Higher for Longer’ ทั้งนี้ การที่ ERAA™ ได้ Underweight การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เมื่อเทียบกับ Benchmark* ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ผลการดำเนินงานของ StashAway ออกมาดีกว่า Benchmark*

ทองคำปรับตัวลงใน Q3 แต่ยังมีบทบาทสำคัญเพื่อเพิ่มสมดุลให้กับพอร์ต

การลงทุนในทองคำ ได้รับผลกระทบทางลบใน Q3 เนื่องจาก Yield ตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และแนวโน้ม ‘Higher for Longer’ ของอัตราดอกเบี้ย โดยผลตอบแทนของทองคำปรับตัวลง -3.8% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับพอร์ตในระยะยาว โดยท่ามกลางความผันผวนของตลาดในปีนี้ ทองคำยังสามารถสร้างผลตอบแทน YTD ที่ +1.1% และในระยะข้างหน้า ยังคงมีปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกรวมถึงสหรัฐจะเข้าสู่ Recession และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจยกระดับในภูมิภาคตะวันออกกลาง

การรักษาพอร์ตของเราให้ Defensive ช่วยปกป้องความผันผวนและ Drawdown

กลยุทธ์ Defensive ของเรายังคงช่วยปกป้องพอร์ตจากความผันผวนของตลาดในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะพอร์ตที่ SRI ต่ำกว่า โดยค่าความผันผวนเฉลี่ยต่อปี (Annualised Volatility) ของพอร์ตเราอยุ่ที่ 5.6% YTD โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่า Benchmark* ที่ 7.7% YTD 

ความผันผวนน้อยกว่า ทำให้พอร์ตของเรามี Drawdown น้อยกว่าเช่นกัน ซึ่งในระยะยาว จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า เห็นได้จากตารางด้านล่างที่ส่วนต่างผลตอบแทนของ StashAway ที่ชนะ Benchmark* จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ ความผันผวนที่น้อยกว่า ยังช่วยให้พอร์ตของเรามี Risk-adjusted Return (ผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง) ที่สูงกว่า Benchmark โดยพอร์ต General Investing มีค่า Sharpe Ratio โดยเฉลี่ยที่ 1.0 ซึ่งสูงกว่า Benchmark* ที่ 0.4 วัดจากต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน (ตัวเลขที่สูงกว่าแสดงว่ามี Risk-adjusted Return ที่ดีกว่า)

อ้างอิง: StashAway; ผลตอบแทนเฉลี่ยของทุกพอร์ตและ Benchmark* ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

อ้างอิง: StashAway; ผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตามช่วงเวลาที่ระบุไว้ ซึ่ง Relative Performance บางตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนจากการปัดเศษทศนิยม 

Thematic Portfolio

การปรับตัวลงของทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อ Thematic Portfolio ของเราใน Q3 เช่นกัน โดยธีม Technology Enablers และ Future of Consumer Tech ยังมีผลตอบแทน YTD เป็นบวก เพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วง H1/2023 แต่ความผันผวนของตลาดทำให้ผลตอบแทน YTD ของธีม Healthcare Innovation และ Environment and Cleantech เป็นลบ

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนแบบ Thematic เป็นการลงทุนระยะยาว เพราะต้องใช้ระยะเวลากว่านวัตกรรมต่างๆ จะแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โดย Thematic Portfolio ของ StashAway ถูกออกแบบมาให้มี ‘สินทรัพย์ปรับสมดุล’ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อบริหารความเสี่ยงและลดความผันผวนในระยะสั้น ทำให้สามารถลงทุนในระยะยาวได้สบายใจมากขึ้นโดยในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างปัจจุบัน อาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนเริ่มสะสมการลงทุนในเทรนด์นวัตกรรมต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนโลกได้ในระยะยาว

Technology Enablers

ใน Q3 ธีม Technology Enablers ทำผลตอบแทนเป็นลบที่ -2.7% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ผลตอบแทน YTD ยังเป็นบวกที่ +16.3% โดยเฉลี่ย

‘สินทรัพย์ตามธีม (Thematic Assets)’ ส่วนใหญ่ ยกเว้นคลาวด์คอมพิวติ้ง ทำผลตอบแทนเป็นลบใน Q3 แต่การปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้นเทคโนโลยีตั้งแต่ต้นปี ทำให้ผลตอบแทน YTD ของสินทรัพย์ตามธีมนี้ยังเป็นบวกมากถึง 2 หลัก

ภายใต้ ‘สินทรัพย์ปรับสมดุล (Balancing Assets)’ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น ยังคงเป็นตัวช่วยสำคัญทั้งใน Q3 และ YTD แม้ตราสารหนี้ระยะยาวและทองคำจะปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา

Future of Consumer Tech

ใน Q3 ธีม Future of Consumer Tech ทำผลตอบแทนเป็นลบเช่นกันที่ -4.6% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ผลตอบแทน YTD ยังอยู่ในแดนบวกที่ +12.0% โดยเฉลี่ย

เช่นเดียวกับธีม Technology Enablers ‘สินทรัพย์ตามธีม’ ปรับตัวลดลงในช่วง Q3 แต่ยังสร้างผลตอบแทน YTD ที่เป็นบวกถึง 2 หลัก โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในพอร์ต แม้ตราสารหนี้ระยะยาวและทองคำได้รับผลกระทบใน Q3 ที่ผ่านมา

Healthcare Innovation

ใน Q3 ธีม Healthcare Innovation ทำผลตอบแทนเป็นลบที่ -7.4% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ผลตอบแทน YTD ยังอยู่ในแดนลบที่ -4.0% โดยเฉลี่ย ซึ่งกลุ่มธุรกิจจีโนมิกส์ และเทคโนโลยี Healthcare ส่งผลกระทบด้านลบต่อผลตอบแทนมากที่สุดใน Q3 และ YTD ขณะที่กลุ่มเภสัชกรรมและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น ทำผลตอบแทนเป็นบวก ซึ่งช่วยให้พอร์ตได้รับผลกระทบน้อยลง

Environment and Cleantech

ใน Q3 ธีม Environment and Cleantech ทำผลตอบแทนเป็นลบที่ -11.2% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ผลตอบแทน YTD อยู่ในแดนลบที่ -5.1% โดยเฉลี่ย

‘สินทรัพย์ตามธีม’ และ ‘สินทรัพย์ปรับสมดุล’ ต่างปรับตัวลดลงตามตลาดใน Q3 แต่ผลตอบแทนที่ดีของกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด การบริการด้านสิ่งแวดล้อม และการจัดการน้ำ ช่วยให้ผลตอบแทน YTD ของพอร์ตที่มี SRI ต่ำกว่าติดลบน้อยลง

อ้างอิง: StashAway; ผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตามช่วงเวลาที่ระบุไว้ 

*หมายเหตุ:

Benchmark ที่เราใช้ในการเปรียบเทียบมาจาก MSCI All Country World Equity Index TRI ในส่วนของหุ้น (ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2566 ใช้ MSCI World Equity Index TRI) และใช้ FTSE World Government Bond TRI ในส่วนของตราสารหนี้ โดยน้ำหนักของ Benchmark ที่เราใช้จะมีค่าความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Volatility) ในระยะเวลา 10 ปีเท่ากับระดับความเสี่ยง StashAway Risk Index

ผลตอบแทนของโมเดลพอร์ตนี้เป็นมูลค่าทั้งหมดก่อนหักค่าธรรมเนียม ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขอคืนภาษีหัก ณ​ ที่จ่ายของเงินปันผล โดยแบบจำลองผลการดำเนินงานนี้ทำเพื่อชี้วัดประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุน ไม่รวมปัจจัยอื่นๆ

ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงในบัญชีอาจแตกต่างจากโมเดลพอร์ต ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาดำเนินการซื้อขาย, ความแตกต่างของช่วงเวลาและความผันผวนระหว่างวันในการทำ Re-optimisation และการทำ Rebalancing, ค่าธรรมเนียม, ภาษีของเงินปันผล (และการขอคืนภาษี) และอื่นๆ โดยผลตอบแทนอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำเสนอ คำแนะนำ คำเชื้อเชิญ หรือการชักชวนให้ท่านซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ

ข้อมูลนี้ไม่ได้จัดเตรียมขึ้นโดยคำนึงถึงสถานการณ์ส่วนบุคคลของท่าน (เช่น วัตถุประสงค์การลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความความต้องการโดยเฉพาะ) ท่านควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านการเงิน บัญชี ภาษี กฎหมาย และด้านอื่น ๆ ของท่านเอง


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

บทความที่เกี่ยวข้อง