กองทุน ETF คืออะไร ต่างจากกองทุนรวมอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ

เราอยู่ในยุคที่การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก ทำได้ง่ายขึ้น ใครๆ ก็เริ่มต้นลงทุนได้ ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจกองทุนต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว หนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ‘กองทุน ETF’ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่ากองทุน ETF คืออะไร ต่างจากกองทุนรวมแบบที่เคยได้ยินอย่างไร แล้วควรเลือกลงทุนแบบไหนดี? ไปทำความรู้จักกับ ETF แบบเข้าใจง่ายๆ กัน

กองทุน ETF คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า กองทุน ETF คืออะไร ETF (Exchange-Traded Fund) คือกองทุนรวมชนิดหนึ่งที่ผสมข้อดีของ ‘หุ้น’ และ ‘กองทุนรวม’ เข้าด้วยกัน อธิบายง่ายๆ คือ คุณสามารถซื้อกองทุนรวมในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่งเลยนั่นเอง

สรุปจุดเด่นของกองทุน ETF

1. ซื้อขายได้ทันทีในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องรอจบวันเหมือนกองทุนรวมทั่วไป

2. มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นการลงทุนแบบ Passive

3. กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะ ETF หนึ่งกอง มักลงทุนในหุ้น หรือสินทรัพย์หลายตัว หรือเป็นการลงทุนตามดัชนี เช่น SET50, Nasdaq 100 หรือ S&P 500 เป็นต้น

4. เริ่มต้นได้ง่าย เพราะบางกองทุนไม่มีขั้นต่ำ บางครั้งเริ่มต้นแค่หลักร้อยก็ลงทุนได้แล้ว

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณอยากลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง แต่ก็ยังอยากได้ความยืดหยุ่นในการซื้อขาย กองทุน ETF คือการลงทุนที่น่าสนใจมากทีเดียว

ความแตกต่างระหว่างกองทุน Passive Fund, Active Fund และ กองทุน ETF คืออะไร

มาถึงจุดที่หลายคนอาจสับสนระหว่างกองทุนประเภทต่างๆ ที่มีให้เลือกเต็มไปหมด ลองมาดูความแตกต่างแบบเข้าใจง่ายๆ กันดีกว่า

กองทุน Active Fund 

กองทุน Active Fund คือ กองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนคอยวิเคราะห์และเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ต่างๆ เอง โดยมีเป้าหมายเพื่อเอาชนะดัชนีตลาด เช่น พยายามทำผลตอบแทนให้ดีกว่า SET Index

• จุดเด่น มีโอกาสทำกำไรสูง ถ้าผู้จัดการกองทุนเลือกสินทรัพย์ได้ถูกต้อง
• ข้อควรระวัง ค่าธรรมเนียมสูง เพราะต้องจ้างทีมผู้จัดการและนักวิเคราะห์ และอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน

กองทุน Passive Fund

กองทุน Passive Fund คือกองทุนที่ไม่พยายามเอาชนะตลาด แต่จะทำผลตอบแทนให้ ‘ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง’ มากที่สุด เช่น SET100 หรือ Nasdaq 100

• จุดเด่น ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า Active Fund และให้ผลตอบแทนใกล้เคียงตลาด
• เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว เน้นการเติบโตต่อเนื่องไปกับตลาด

แล้วกองทุน ETF คืออะไร ลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบไหน

จริงๆ แล้วกองทุน ETF คือกองทุน Passive Fund ที่ถูกนำมาซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต่างจาก Passive Fund แบบเดิมที่ต้องซื้อผ่านบลจ. โดยตรง และมักจะเคลียร์คำสั่งเมื่อสิ้นวันทำการ โดยสรุปแล้วจะมีความแตกต่างคือ

• ‘ความยืดหยุ่น’ และ ‘ความสะดวก’ ที่ ETF มีให้มากกว่า
• Passive Fund จะรู้ราคาที่ซื้อขาย ณ สิ้นวัน แต่  ETF ซื้อขายได้แบบ Real-time 
• Passive Fund เปรียบเหมือนกับการ Pre-Order สินค้า ส่วน ETF เหมือนการซื้อสินค้าพร้อมส่ง

ดังนั้นหากคุณกำลังสงสัยว่า กองทุน ETF คืออะไร เทียบกับกองทุนแบบอื่นแล้วเป็นอย่างไร ก็อาจสรุปได้ว่า ETF เป็นลูกผสมที่เอาข้อดีของกองทุนรวม บวกการซื้อขายแบบหุ้นมาไว้ในแพ็กเกจเดียว

กองทุน ETF เหมาะกับใคร? แล้วควรเริ่มยังไงดี

หลังจากอ่านมาทั้งหมด หลายคนคงเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่า กองทุน ETF คือ ทางเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะคนที่

• ต้องการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องเลือกหุ้นเอง
• สนใจกองทุนรวม แต่ก็อยากได้ค่าธรรมเนียมต่ำ
• ชอบความสะดวกในการซื้อขายแบบ Real-time
• มีเป้าหมายการลงทุนระยะกลางถึงยาว

คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุนใน ETF

1. ศึกษาดัชนีที่ ETF นั้นอ้างอิง เช่น SET50, Nasdaq หรือ S&P 500

2. เช็กรายชื่อกองทุน ETF และเปิดบัญชีกับบลจ. ที่ได้รับการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและกำกับดูแลโดยสำนักงาน ก.ล.ต.

3. อาจลองเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยก่อน เพื่อศึกษาพฤติกรรมของกองทุนที่คุณสนใจ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเลือกกองทุนแบบไหน การรู้ว่า ‘กองทุน ETF คืออะไร’ และเข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของกองทุนแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมั่นใจ และตัดสินใจลงทุนได้เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเองมากขึ้น

หมายเหตุ:

การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต; การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำเสนอ คำแนะนำ คำเชื้อเชิญ หรือการชักชวนให้ท่านซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ

ข้อมูลนี้ไม่ได้จัดเตรียมขึ้นโดยคำนึงถึงสถานการณ์ส่วนบุคคลของท่าน (เช่น วัตถุประสงค์การลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการโดยเฉพาะ) ท่านควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านการเงิน บัญชี ภาษี กฎหมาย และด้านอื่นๆ ของท่านเอง