Weekly Buzz: ถึงเวลา ‘ตลาดกระทิง’ ของจริง?

16 June 2023

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

🐂 เบื้องหลังขาขึ้นของ S&P 500

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 เข้าสู่ช่วงขาขึ้นหรือที่เรียกว่า ‘ตลาดกระทิง’ (Bull Market) โดยพุ่งขึ้นเกือบ 20% จากระดับต่ำล่าสุดเมื่อ ต.ค. 2022 แต่หลายคนกลับไม่คิดว่าช่วงเวลาสดใสนี้จะคงอยู่ได้นานเท่าไหร่นัก

ในงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ นักกลยุทธ์ที่ Morgan Stanley คาดว่ากำไรที่ลดลงอย่างกะทันหันของบริษัทต่างๆ จะเป็นตัวฉุดขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี S&P 500 ในปีนี้จะลดลงถึง 16% จากการเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัวและสัดส่วนกำไรที่ลดลง โดยคาดว่าสิ้นปี 2023 ดัชนี S&P 500 จะปิดที่ระดับ 3,900 จุด ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันราว 9%

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักกลยุทธ์ที่เห็นต่างจากฝั่ง Morgan Stanley ยกตัวอย่างเช่น Goldman Sachs ซึ่งคาดว่าปี 2023 กำไรต่อหุ้นในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ Evercore ISI ขยับตัวเลขเป้าหมายของ S&P 500 ในสิ้นปีนี้ขึ้นไปอีก 7% หรือปิดที่ระดับ 4,450 จุด โดย Evercore ISI เชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงจะทำให้ Fed ตัดสินใจพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หรือจะเป็นตลาดหมีในชุดกระทิง

ดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด ดังนั้นหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงจะส่งผลมากต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ซึ่งในครั้งนี้คือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Nvidia ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเติบโตของ AI (ติดตามบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ใน CIO Insights ประจำเดือนนี้)

ดังนั้น แม้ตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะเป็นขาขึ้นตามนิยามของ ‘ตลาดกระทิง’ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน ศัพท์โลกการลงทุน) แต่เกณฑ์ชี้วัดที่ 20% อาจไม่ชัดเจนมากพอในทุกสถานการณ์ ยกตัวอย่างกรณีหลัง Covid-19 ที่ตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรงและดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ซึ่งในสถานการณ์ลักษณะนี้เราควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น Valuation และปัจจัยพื้นฐาน เพื่อให้สามารถประเมินทิศทางตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้น ขาขึ้นของตลาดครั้งนี้อาจเป็นได้ทั้ง ‘จุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง’ หรือเป็นแค่เพียง ‘ขาขึ้นในตลาดหมี’ ได้เช่นกัน

เรื่องนี้ส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร? 

แม้ตลาดดูจะสดใส แต่ต้องไม่ลืมว่าตลาดไม่ได้มีแค่ขาขึ้นเพียงอย่างเดียว ความเคลื่อนไหวของตลาดเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาและยังสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ในข้ามคืน ดังนั้น แทนที่จะใช้วิธีจับจังหวะเข้าลงทุน การลงทุนแบบ DCA อย่างต่อเนื่องในพอร์ตที่กระจายการลงทุนที่ดีและตรงกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

ถ้าสนใจลงทุนในหุ้นสหรัฐ ทำอย่างไรได้บ้าง:

  1. พอร์ต General Investing ของเรามีการกระจายลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐเหล่านี้ไว้ด้วย
  2. ลงทุนโดยเน้น Exposure ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐผ่าน Flexible Portfolio โดยคุณสามารถเลือกลงทุนตามดัชนีอย่าง S&P 500 ซึ่งอยู่ภายใต้สินทรัพย์ประเภท ‘หุ้นสหรัฐ’ ได้
  3. ลงทุนโดยเน้นเฉพาะกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยี ผ่านธีม Technology Enablers ใน Thematic Portfolio ซึ่งครอบคลุมกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนา AI 

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓ศัพท์โลกการลงทุน: Bull Market

Bull Market หรือ ตลาดกระทิง คือ ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปกติจะนิยามจากการเพิ่มขึ้นที่ 20% จากราคาต่ำล่าสุด โดยรูปปั้นกระทิงสีทองแดงที่ Wall Street ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของตลาดกระทิง ที่แสดงถึงช่วงเวลาที่ตลาดรุ่งเรือง นักลงทุนมีความเชื่อมั่นสูงและมองเห็นอนาคตตลาดที่สดใส

ตลาดกระทิงสามารถยืนระยะได้นานหลายเดือนถึงหลายปี แต่ไม่มีทางคงอยู่ได้ตลอดไป ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1980 ที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและตลาดมีความเชื่อมั่นในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ช่วงเวลาเฟื่องฟูสิ้นสุดลงเมื่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟองสบู่แตกในปี 1992


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ