Weekly Buzz: เทรนด์ Emerging Market ที่คุณอาจมองข้ามไป
กระแสความตื่นตัวในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในปีนี้ อาจทำให้นักลงทุนมองข้ามเทรนด์อื่นๆ ไป แต่ดูเหมือนว่าความสนใจจะเริ่มกลับไปที่ ‘Emerging Market’ หรือ EM เราจึงอยากจับตามองเทรนด์ที่กำลังก่อตัวขึ้นนี้อีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นใน EM?
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2FStash_Away_Weekly_Buzz_2023_July_28_banner1_An_Emerging_Trend_You_Might_Have_Missed_017d29a262.png&w=1920&q=75)
- เศรษฐกิจ EM เติบโตอย่างรวดเร็ว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจใน EM จะเติบโตเฉลี่ย 4.2% ในปีหน้า เทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) ที่ 1.4% ซึ่งเป็นระดับที่แตกต่างกันมากที่สุดในรอบทศวรรษ โดย IMF ยังคาดว่า ปีนี้จีนและอินเดียจะมีส่วนในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกรวมกันมากถึง 50.4% ของทั้งหมด
- ราคาหุ้น EM ยังไม่สูง
ในการลงทุน สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ Valuation ของสินทรัพย์นั้นๆ โดยใช้ ‘CAPE ratio’ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน ศัพท์โลกการลงทุน) เพื่อให้เห็นภาพของมูลค่าในระยะยาว
โดยวิธีคำนวณนี้แสดงให้เห็นว่า หุ้นใน EM โดยรวมมีราคาถูกกว่า DM เกือบ 2 เท่า โดย EM ซื้อ-ขายกันบน CAPE ratio ที่ 15.1 เท่า ขณะที่ DM อยู่ที่ 27.9 เท่า ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากหุ้นจีนที่ราคาถูกมาก (CAPE ratio 10.9 เท่า) เทียบกับหุ้นสหรัฐที่ราคาแพงกว่า (CAPE ratio 33.8 เท่า)
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2FStash_Away_Weekly_Buzz_2023_July_28_chart1_An_Emerging_Trend_You_Might_Have_Missed_aa9113986d.png&w=1920&q=75)
- ค่าเงิน EM กำลังแข็งแกร่ง
สกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ 5 อันดับจาก 8 อันดับแรกของโลกในปีนี้มาจากประเทศ EM ในภูมิภาคละตินอเมริกา (ตามภาพด้านล่าง)
และด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดความร้อนแรงลง ทำให้ Fed น่าจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง และทำให้ค่าเงินของประเทศ EM แข็งค่าขึ้น นักลงทุนต่างชาติจึงได้รับผลตอบแทนมากขึ้นเมื่อแลกเงินกลับเป็นสกุลเงินประเทศตัวเอง
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2FStash_Away_Weekly_Buzz_2023_July_28_chart2_An_Emerging_Trend_You_Might_Have_Missed_4339e05077.png&w=1920&q=75)
Key Takeaway คืออะไร?
นักลงทุนอาจเบนความสนใจไปยัง EM ในเร็ววันนี้ โดยการที่เศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวตามคาด ทำให้ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม EM ไม่ดีเท่าที่ควรในระยะที่ผ่านมา โดยกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจใน EM โดยรวม (เส้นสีดำ) จะทำผลงานได้ดีขึ้นหากไม่นับรวมจีน (เส้นสีฟ้า) ซึ่งแม้ยังตามหลังเศรษฐกิจโลก (เส้นสีเทา) แต่ด้วยระยะห่างที่น้อยลง
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2FStash_Away_Weekly_Buzz_2023_July_28_chart3_An_Emerging_Trend_You_Might_Have_Missed_6b34ad9ed0.png&w=1920&q=75)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงอื่นๆ เช่น การชะลอตัวทางเศรษฐกิจใน DM รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อเศรษฐกิจใน EM เนื่องจาก EM พึ่งพาทั้ง 2 ภูมิภาคค่อนข้างมาก
ดังนั้น นักลงทุนควรหาจุดสมดุลของการลงทุนใน EM เพราะอาจมีแนวโน้มผันผวนมากกว่า โดยคุณอาจเลือก ลงทุนในพอร์ต General Investing ของเรา ซึ่งมีการกระจายการลงทุนทั้งใน DM และ EM และถ้าหากคุณมองหาการลงทุนที่ให้คุณออกแบบพอร์ตได้เอง Flexible Portfolio ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะคุณสามารถกำหนด Asset Allocation ตามที่คุณต้องการ
เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize
🎓ศัพท์โลกการลงทุน: CAPE ratio
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2FStash_Away_Weekly_Buzz_2023_July_28_banner2_An_Emerging_Trend_You_Might_Have_Missed_50d9b36487.png&w=1920&q=75)
แม้ชื่อจะดูซับซ้อน แต่ CAPE ratio (Cyclically Adjusted Price-to-earnings ratio) หรือ การคำนวณอัตราส่วนราคาต่อกำไร โดยใช้กำไรต่อหุ้นเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังปรับด้วยเงินเฟ้อ ซึ่งมีจุดประสงค์คล้ายกับ P/E ratio ที่แสดงให้เห็นราคาที่นักลงทุนยินดีที่จะจ่ายเพื่อกำไรของบริษัท แต่ CAPE ratio จะช่วยลดความผันผวนของผลกำไรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ของวงจรธุรกิจ
![](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fcms-assets.stashaway.com%2Flarge_202406_USD_Cash_Plus_1500x429_612976a36e.jpg&w=1920&q=75)