Weekly Buzz: SHEconomy พลังผู้หญิงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ช่วงที่ผ่านมา คอนเสิร์ต Beyoncé ทำให้เงินเฟ้อสวีเดนร้อนแรงขึ้น, แฟนคลับของ Taylor Swift ก็แห่เข้าไปจองตั๋วจนเว็บไซต์ล่ม และภาพยนตร์ Barbie ยังทำลายสถิติ Box Office เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่กระแส Pop Culture เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณการเติบโตของ SHEconomy ที่กำลังกระจายไปทุกกลุ่มธุรกิจทั่วโลก และอาจเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้การลงทุนของคุณ

ผู้หญิงมีกำลังซื้อและใช้จ่ายมากขึ้น

ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญมากขึ้นกับเรื่องการเงินภายในครอบครัว โดยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ผู้หญิง 83% ช่วยหารายได้เข้าบ้าน และมักเป็นฝ่ายตัดสินใจเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวัน โดยผู้หญิงในปัจจุบันเข้าถึงการศึกษาและมีตำแหน่งการงานที่ดี ทำให้พวกเธอมีกำลังซื้อมากขึ้นและก็ใช้จ่ายมากขึ้นเช่นกัน สิ่งเหล่านี้กำลังสร้างการเติบโตในหลายกลุ่มธุรกิจ และเนื่องจาก Gender Pay Gap (อ่านเพิ่มเติมได้ใน ศัพท์โลกการลงทุน) ที่แคบลง ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้หญิงกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก

ตัวเลขที่เราพูดถึงนี้ไม่น้อยเลย เพราะแค่ในสหรัฐ ผู้หญิงมีทรัพย์สินรวมมากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และด้วยอัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานผู้หญิงที่ทำสถิติใหม่ ระดับการศึกษาที่แซงหน้าผู้ชาย และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ทรัพย์สินของผู้หญิงจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าในทศวรรษหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นยิ่งกว่าเทรนด์ แต่คือ การปฏิวัติทางการเงินที่มาจากการเติบโตของ SHEconomy

ผู้หญิงนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ

แม้ยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างจำนวนของ VC Fund ที่เข้าไปสนับสนุนธุรกิจที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงเมื่อเทียบกับผู้ชาย แต่ผู้หญิงกำลังเป็นผู้ขับเคลื่อน Startup ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของผู้ก่อตั้งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น Kim Kardashian ที่สร้างแบรนด์ Skims มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ Kiran Mazumdar-Shaw ที่ก่อตั้ง Biocon Biologics ในอินเดีย จนมีมูลค่ามากถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ความสำเร็จเหล่านี้กำลังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทิศทางของเทรนด์ เพิ่มการจ้างงานและพลิกโฉมแวดวงธุรกิจ โดยแนวโน้มดังกล่าวมีแต่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้หญิงประสบความสำเร็จในการลงทุน

ในแง่การลงทุน ผู้จัดการกองทุนที่เป็นผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าผู้จัดการกองทุนที่เป็นผู้ชาย และพวกเธอยังให้ความสำคัญกับธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม (เช่น ธีม Environment and Cleantech ใน Thematic Portfolio ของเรา ที่มีการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน) ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวนำมาซึ่งการเติบโตของกองทุนและสินค้าต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่ผู้หญิงต้องการ นอกจากนี้ การที่ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นสามารถบริหารจัดการอนาคตทางการเงินด้วยตัวเอง ก็อาจส่งผลอย่างมากต่อกลุ่มธุรกิจจัดการลงทุนและตลาดการเงิน

เหตุผลอีกประการที่นักลงทุนผู้หญิงทำผลตอบแทนได้ดีกว่า เพราะพวกเธอซื้อ-ขายสินทรัพย์น้อยครั้งกว่า โดยรายงานของ Vanguard แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายมีแนวโน้มซื้อ-ขายสินทรัพย์บ่อยกว่าผู้หญิงถึง 50% เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายซื้อ-ขายที่สูงแล้ว ยังทำให้ระยะเวลาที่ลงทุนในตลาดน้อยลง ซึ่งระยะเวลาที่ลงทุนในตลาดหรือการ Stay Invested ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการจับจังหวะซื้อ-ขาย เหมือนที่เราสะท้อนให้เห็นในบทความ H2/2023 Market Outlook: ยังมีแสงสว่างท่ามกลางพายุ

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓ศัพท์โลกการลงทุน: Gender Pay Gap

Gender Pay Gap หรือ ช่องว่างรายได้ระหว่างเพศ คือ ความแตกต่างระหว่างรายได้เฉลี่ยของผู้ชายกับผู้หญิง โดยส่วนใหญ่ ผู้ชายจะได้รับค่าจ้างมากกว่าผู้หญิง แม้จะมีทักษะและตำแหน่งงานเท่ากัน นั่นคือช่องว่างรายได้ระหว่างเพศ ซึ่งเป็นการย้ำให้เห็นความไม่เท่าเทียมที่มาจากการเลือกปฏิบัติทางเพศ หากเราสามารถลดช่องว่างดังกล่าวได้จะทำให้สังคมมีความเสมอภาคมากขึ้น และยังเป็นการปลดล็อก Productivity นวัตกรรม และการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย

✨ ผลการดำเนินงาน H1/2023 และบทความ H2 Market Outlook ของเรา

ผ่านครึ่งทางของปี 2023 ซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นับตั้งแต่วิกฤติในกลุ่มธุรกิจธนาคารสหรัฐและยุโรป ไปจนถึงกระแสเทคโนโลยี AI ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เราผ่านเรื่องราวมามากมายในปีนี้ แต่คุณไม่ต้องกังวล เพราะเราได้สรุปไว้แล้วในบทความด้านล่างนี้:

H2 Market Outlook เราวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและถอยหลังกลับมามองภาพใหญ่ในระยะยาว เพื่อให้เห็นว่าทำไมเราถึงยังเห็นว่ามีแสงสว่างในอนาคตรออยู่

บทความสรุปผลการดำเนินงาน H1/2023 และเราขี่หลัง (ตลาด) กระทิงมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร