Weekly Buzz: ทำไม ‘AI Rally’ ถึงไม่เหมือนยุคฟองสบู่ดอทคอม?
ความแตกต่างระหว่างยุค ‘AI’ กับยุค ‘ดอทคอม’ คือ บริษัทเทคโนโลยีในยุค AI ส่วนใหญ่มีกำไรจริงและมีกระแสเงินสดมหาศาลหนุนหลังอยู่ ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความคาดหวังล้วนๆ เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน

ทำไมรอบนี้ถึงไม่เหมือนเดิม?
ปัจจุบัน ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft, Apple, Nvidia และ Alphabet กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้งระบบคลาวด์ การผลิตชิป และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ทำให้พวกเขามีกระแสเงินสดจำนวนมากและนำไปต่อยอดธุรกิจด้วยกำไรของตัวเอง ไม่ได้อาศัยเงินกู้ยืม
ข้อมูลจาก Goldman Sachs ชี้ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของกลุ่มเทคโนโลยีเติบโตต่อเนื่องนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2008 ซึ่งถือเป็นความแตกต่างสำคัญ เพราะในยุคฟองสบู่ดอทคอม ‘ความเชื่อมั่นมาก่อนกำไร’ และหลายบริษัทก็ไม่เคยทำกำไรได้จริง แต่รอบนี้ ‘กำไรมาก่อน’ ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ครั้งนี้มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

แม้ว่าปัจจุบันหุ้นเทคฯ จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้เมื่อเทียบกับอดีต โดยการวิเคราะห์ของ Goldman Sachs พบว่าหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven มี ค่า Forward P/E อยู่ที่ประมาณ 27 เท่า ซึ่งถือว่าสูง แต่ยังห่างไกลจากยุคดอทคอมที่เคยพุ่งถึง 50 เท่า
ส่งผลอย่างไรต่อนักลงทุน?
การเติบโตของ AI รอบนี้ ทำให้เกิดการสร้างสินทรัพย์ที่จับต้องได้มากมาย เช่น Data Centre โครงข่ายไฟฟ้า และระบบโลจิสติกส์ที่อาจช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก และโอกาสก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐ โดยตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียเองก็เติบโตไม่แพ้กันในปีนี้ นอกจากนี้ Demand พลังงานไฟฟ้า อุปกรณ์ และการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับบริษัทนอกกลุ่มซอฟต์แวร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของตลาดตอนนี้อยู่ในระดับสูงมาก หากบริษัทยักษ์ใหญ่รายใดรายหนึ่ง ไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้า ตลาดก็อาจปรับตัวลงได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัว เพราะปัจจุบัน หุ้นใหญ่สุด 10 ตัวแรกของสหรัฐ มีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้น การกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภูมิภาค ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณมีโอกาสเติบโตไปกับเทรนด์ AI แล้ว ก็ยังช่วยลดผลกระทบในพอร์ตได้ หากหุ้นเทคฯ ปรับตัวลง
(หากคุณกำลังมองหาพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีทั่วโลก ลองดูพอร์ต General Investing ของเรา)
ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: เศรษฐกิจจีนยังคงเดินหน้า แม้จะช้าลงบ้าง

เศรษฐกิจจีนขยายตัว 4.8% YoY ใน Q3/2025 ซึ่งถือว่าช้าที่สุดในรอบ 12 เดือน แม้ตัวเลขนี้จะยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตทั้งปีที่ 5% แต่ก็มีหลายประเด็นที่น่าจับตา
ภาคการผลิตจีนยังคงแข็งแกร่ง โดยเติบโต 6.5% YoY ในเดือน ก.ย. แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวเลขการบริโภคกลับซบเซาที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี โดย CNBC รายงานว่า ยอดค้าปลีกเติบโตเพียง 3% ในเดือน ก.ย. ลดลงจาก 3.4% ในเดือน ส.ค.
รัฐบาลจีนเตรียมประชุมกันในสัปดาห์นี้ เพื่อวางนโยบายสำหรับอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งพวกเขาจะต้องตัดสินใจว่าจะเดินตามเส้นทางเดิม คือ สนับสนุนภาคการผลิต และเน้นการส่งออก หรือจะเลือกเส้นทางที่ยากกว่า คือ กระตุ้นให้ชาวจีนใช้จ่ายมากขึ้น
ปัจจุบัน การบริโภคภาคครัวเรือน ยังมีสัดส่วนเล็กมากในเศรษฐกิจจีน เมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐ ยุโรป หรือญี่ปุ่น โดยข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่า ยอดเงินฝากของชาวจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 17.94 ล้านล้านหยวน จากเดิม 11.46 ล้านล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปี 2024 หมายความว่าคนจีนส่วนใหญ่ยังเก็บเงินไว้มากกว่าที่จะใช้เงิน
หากจีนสามารถกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายได้จริง ก็จะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า ได้มากขึ้น แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมการออมของชาวจีนที่ฝังรากลึกมานานนั้น จะต้องมีมากกว่าแค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะต้องมีการปฏิรูประบบสาธารณสุข บำนาญ และประกันสังคมในระยะยาว เพื่อให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจมากพอที่จะใช้เงิน
(หากคุณต้องการมีส่วนร่วมไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ลองดู Flexible Portfolio ของเรา)
เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize




