Weekly Buzz: สงครามการค้า ‘สหรัฐ-จีน’ รอบล่าสุด ส่งผลอย่างไรต่อพอร์ตของคุณ?

17 October 2025

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

ตลาดเพิ่งจะเริ่มคลายความกังวลจากเรื่องสงครามการค้า แต่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนก็กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% 

อะไรคือสาเหตุจุดชนวน?

คำขู่ของ Trump เกิดขึ้นทันทีหลังจากจีนออกคำสั่งหลายข้อ นับตั้งแต่การตรวจสอบชิปนำเข้าของ Nvidia อย่างเข้มงวดมากขึ้น การขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับเรือสินค้าสหรัฐ รวมถึงการจำกัดการส่งออกแร่หายากบางชนิด ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็น ‘การแสดงพลัง’ ก่อนที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะเจรจาการค้ากันในการประชุม APEC Summit 2025 ปลายเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Trump ก็ไม่รอให้ถึงวันเจรจา โดยตอบโต้จีนกลับทันทีด้วยการขู่เรียกเก็บภาษีสินค้าจีน 100% ซึ่งเป็นการแลกหมัดที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงทันที โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงราว 2.8% เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (10 ต.ค.) ก่อนที่จะฟื้นตัวในวันจันทร์ (13 ต.ค.) หลังจาก Trump แสดงท่าทีที่นุ่มนวลมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกจีนเองก็ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านประเทศอื่น เช่น เวียดนาม ทำให้การส่งสินค้าจากจีนไปเวียดนามเพิ่มขึ้นถึง 24.5% เมื่อเดือนที่แล้ว และทำให้ตัวเลขการส่งออกโดยรวมของจีนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 8% ซึ่งเติบโตมากที่สุดในรอบ 6 เดือน แม้ว่าการส่งออกสินค้าไปสหรัฐจะลดลงถึง 27% ก็ตาม

ส่งผลอย่างไรต่อนักลงทุน?

เมื่อพิจารณาความขัดแย้งที่ผ่านมา มาตรการภาษีนำเข้า 100% มักไม่ได้เกิดขึ้นจริงเต็มรูปแบบ และถึงแม้การเจรจาระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกยังไม่น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะจีนก็อยากเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐ ขณะที่สหรัฐเองก็มีความกังวลเรื่องความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการลดระดับความร้อนแรงของคำขู่ทางการค้า 

ความผันผวนที่เกิดจาก Noise เช่นนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมการพยายามจับจังหวะตลาดจึงมักไม่ได้ผล เพราะกว่าข่าวจะประกาศออกมา ราคาก็มักสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งสำหรับนักลงทุนระยะยาว วิธีที่ดีกว่าคือการ Stay Invested ในพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภูมิภาค เพื่อไม่ให้ผลตอบแทนในพอร์ตของคุณขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางการค้าของประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงอย่างเดียว

Investor’s Corner: ทำไมใครๆ ก็พูดถึง ‘Debasement Trade’

Debasement trade คือกลยุทธ์ที่นักลงทุนนำเงินสดไปถือสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่าตามเงินเฟ้อ (Hard Assets) เช่น ทองคำ หรือแร่เงิน โดยปัจจุบัน ประเทศเศรษฐกิจใหญ่หลายแห่งกำลังเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขขาดดุลยังอยู่ในระดับสูง และยังกดดันให้ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ ‘พิมพ์เพิ่มไม่ได้’ 

ทองคำเป็น Store of Value ที่ได้รับความไว้วางใจมานับพันปี และมักจะรักษามูลค่าได้แม้ในช่วงที่เงินเฟ้อและหนี้ภาครัฐพุ่งสูง และธนาคารกลางทั่วโลกก็ยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2025 ขณะที่ โลหะมีค่าอีกประเภทอย่างแร่เงินก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

ปัจจุบัน ตลาดได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาหนี้ สภาพคล่อง และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ ความกลัวตกขบวน หรือ FOMO ก็เป็นอีกปัจจัยเสริมด้วยเช่นกัน ซึ่งในสภาวะที่ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อเช่นนี้ ความผันผวนจึงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย (ทองคำ หุ้น และตราสารหนี้) จึงเป็นหนึ่งในวิธีเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ในระยะยาว

(หากคุณกำลังมองหาพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ ลองดูพอร์ต General Investing ของเรา หรือหากต้องการเพิ่มสัดส่วนในทองคำหรือแร่เงิน Flexible Portfolio ของเรา ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ)

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

Simply Finance: Store of Value

Store of Value คือสินทรัพย์ที่มักจะรักษามูลค่าของตัวเองไว้ได้ในระยะยาว เปรียบเสมือน ‘แคปซูลกาลเวลา’ ในระบบการเงิน เพราะหากคุณสะสมสินทรัพย์เหล่านี้ไว้ ก็เหมือนกับการที่คุณฝาก ‘กำลังซื้อ’ ของคุณไว้วันนี้ และหวังว่าจะได้กำลังซื้อเท่าเดิมกลับมาในวันพรุ่งนี้ ปีหน้า หรือแม้แต่หลายสิบปีข้างหน้า


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ