Weekly Buzz: สภาพคล่องโลกอยู่ในจุดสูงสุดตลอดกาล - แล้วเงินไหลไปที่ไหน? 💰

เมื่อธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เงินจะต้องไหลไปหาผลตอบแทนที่ไหนสักแห่ง โดยตลอดปีที่ผ่านมา สภาพคล่องทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังไหลไปหาสินทรัพย์แบบเดิมๆ ทำให้ตลาดหุ้นยังทรงตัวได้ดี และทองคำยังคงพุ่งแรง อย่างไรก็ตาม ยังมีสินทรัพย์สำคัญอีกประเภทที่ยังไม่ได้ประโยชน์จากสภาพคล่องจำนวนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือพันธบัตรสหรัฐระยะยาว ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
เงินไหลไปไหน?
Global Liquidity Index (GLI) หรือดัชนีที่รวบรวมงบดุลของธนาคารกลางทั่วโลกและปริมาณเงิน M2 (ดูคำอธิบายเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance ด้านล่าง) เพื่อวัดปริมาณสภาพคล่องที่ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อมีเงินในระบบมากขึ้น เงินก็มักจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี

แล้วทำไมพันธบัตรสหรัฐยังไม่สามารถดึงดูดเงินทุนเหล่านี้ได้? ประการแรก ตลาดตราสารหนี้ตกอยู่ในภาวะหมีอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหลายคนลังเลที่จะกลับเข้ามาลงทุน ประการที่สอง นักลงทุนยังคงเทขายพันธบัตรสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายของสหรัฐ เช่น มาตรการภาษีนำเข้า ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนนี้เริ่มคลี่คลายลงเล็กน้อย หลังจากสหรัฐและจีนได้มีการเจรจากันที่กรุงลอนดอน โดยทั้งสองประเทศได้บรรลุกรอบความร่วมมือตามข้อตกลงที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าข้อตกลงนี้จะยังต้องผ่านการอนุมัติจากผู้นำของทั้งสองประเทศ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้าที่กดดันตลาดมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
Key Takeaway
ปัจจุบัน พันธบัตรสหรัฐยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก และยังให้ Yield ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ การลงทุนในพันธบัตรสหรัฐยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากเงินสกุลท้องถิ่นของคุณด้วย ซึ่งถึงแม้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง แต่ก็ยังคงมีสถานะเป็นทุนสำรองหลักของโลก ดังนั้น นอกจากคุณจะได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในระดับสูงแล้ว คุณก็ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา หากความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้กลับมาอีกครั้ง
(หากคุณกำลังมองหาพอร์ตที่มีสัดส่วนของตราสารหนี้อย่างเหมาะสม พอร์ต General Investing ของเรา อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณต้องการจัดพอร์ตด้วยตัวเอง Flexible Portfolio ของเรา เปิดโอกาสให้คุณลงทุนโดยตรงในพันธบัตรสหรัฐได้อย่างง่ายดาย)
📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ธนาคารกลางอินเดียลดดอกเบี้ยแรงกว่าคาด

ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ พร้อมลดอัตราส่วนสำรองเงินสด (Cash Reserve Ratio) ของธนาคารลงอีก 1% ซึ่งจะช่วยปลดล็อกเงินอีกหลายแสนล้านรูปีให้ธนาคารนำไปปล่อยกู้ต่อได้
มาตรการนี้จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจอินเดียให้เดินหน้าต่อไปได้ และเข้าใกล้เป้าหมายการเติบโตที่ 8% มากขึ้น โดยล่าสุดเศรษฐกิจอินเดียเติบโตถึง 7.4% ในไตรมาสที่ผ่านมา
หลังมีประกาศลดดอกเบี้ย ดัชนี Sensex ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีหลักของตลาดหุ้นอินเดีย พุ่งขึ้นเกือบ 1% โดยมีกลุ่มธนาคารเป็นผู้นำ ซึ่งการปรับตัวขึ้นครั้งนี้ก็ดูสมเหตุสมผล เพราะต้นทุนการกู้ยืมที่ถูกลงจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น แปลว่าเศรษฐกิจก็จะยิ่งเติบโตตามไปด้วย นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยนโยบายยังจะช่วยให้ดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัยถูกลงอีก ซึ่งงานนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตของอินเดีย
(หากคุณอยากมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย Flexible Portfolio ของเรา อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม)
เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize
🎓 Simply Finance: ปริมาณเงิน M2

ให้ลองนึกว่าปริมาณเงิน M2 เปรียบเสมือน ‘กระเป๋าสตางค์’ ของระบบเศรษฐกิจ เพราะมันคือมาตรวัดว่าในระบบมีเงินสดที่พร้อมใช้อยู่มากแค่ไหน โดย M2 จะรวมทั้งเงินสดในมือ เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประเภทอื่นๆ ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเวลาที่ธนาคารกลางต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ พวกเขาก็สามารถเพิ่มปริมาณเงินในระบบ เพื่อให้มีเงินสดไหลเวียนมากขึ้นได้